น้ำมันชาตรี
สำรวมจิตลงเป็นหนึ่ง ระลึกถึงพ่อแม่ ครูอาจารย์ องค์บุรพมหากษัตริย์ ตลอดถึงผู้มีพระคุณทั้งหมด ขยับเปลี่ยนจากท่าเทพพนม เป็นท่าถวายบังคม ต่อด้วยพรหมสี่หน้า ย่างสามขุม คุมเชิงครู ดูดัสกร ฟ้อนลองเชิง ฯลฯ...
“ดีมาก...” คำชมสั้น ๆ จากครู(ครูเขตร์ ศรียาภัย) ทำเอาศิษย์หน้าใหม่ปลาบปลื้มเป็นที่ยิ่ง “อุตส่าห์ฝึกหัดเอาไว้เถอะ ต่อไปจะได้ถ่ายทอดแก่ลูกหลานไว้ไม่ให้สูญหาย สมัยนี้ท่ามวยอย่าง ทุ่มทับ จับหัก เหินเตะ ไม่มีใครเขารู้จักกันแล้ว...”
“ครูเองก็เสียดายวิชา “ปลุกน้ำมันชาตรี” ทำเท่าไรก็ไม่ขึ้น ถ้าทำขึ้นละคุณเอ๋ย...เก่งเท่าเก่ง ใหญ่เท่าใหญ่ เรียงหน้าเข้ามาเถอะ...” นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้ยินคำว่า “น้ำมันชาตรี” ตามวิชาตั้งธาตุ ปลุกธาตุของพาหุยุทธ (มวยไทย)
“หลวงพ่อ” วัดท่าซุง เล่าว่า “ในชีวิตฉันเห็นคนปลุกน้ำมันชาตรีขึ้นเพียง ๒ รายเท่านั้น หนึ่งคือ หลวงพ่อปาน สองคือ อาจารย์โภคา ต้องปลุกขึ้นถึง ๗ วาระ จึงนับว่าใช้ได้ ฉันเองก็ทำไม่ได้ พระท่านว่ายังไม่ถึงเวลา”
“ชาตรีนี่เหนือกว่าคงกระพัน คงกระพันถูกตีถูกฟันหนัก ๆ ถึงไม่เข้าก็เจ็บ แต่ชาตรีนี่โดนเท่าไรมันไม่รู้สึกเจ็บ โบราณเรียกว่า “ลูกเบา” คือ ถูกอะไรรู้สึกว่าเบาไปหมด ฉันเห็นกับตาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นกำลังเดินตัดทุ่งจะไปเทศน์...”
“มันเกิดลมหมุนขึ้นมา เห็นคนตกจากยอดตาลลงมาพลั่กใหญ่ ไอ้เราคิดว่าถึงไม่ตายก็คางเหลือง วิ่งเข้าไปหมายจะช่วย มันลุกขึ้นปัดตูดหน้าตาเฉย มือยังถือกระบอกน้ำตาลอยู่เลย ปัดไปบ่นไป “ไอ้ห่...หกไปซะหน่อยได้...”
“ถามมันดูว่ามีอะไรดี มันบอกว่ามี “ลูกเบา” อีกรายคือเจ้าอั๋น มันจะขึ้นชกมวย เจ้านี่เวลาชกมวยใช้ชื่อว่า “นิตย์” คู่ชกมันเก่งมาก กลัวสู้ไม่ได้เลยมาหาฉัน ฉันขโมยน้ำมันชาตรีหลวงพ่อปานมาหน่อยหนึ่ง ก็ไม่หน่อยล่ะ เกือบครึ่งขวดยานัดถุ์...”
“ความจริงไม่ได้ขโมยหรอกนะ ท่านใช้ฉันเฝ้ากุฏิ ฉันเลยคิดค่าเฝ้าซะ เอาแตะหัวเจิมให้เจ้าอั๋นมันนิดหนึ่ง มันก็ชึ้นไปชก ชนะน็อคเขาลงมา ถามมันว่าตอนที่เขาชกมันรู้สึกอย่างไร มันบอกว่า เหมือนเขาชกเบา ๆ โดนเท่าไรก็ไม่รู้สึกเจ็บ...”
อานุภาพอย่างของน้ำมันชาตรี คือ อธิษฐานกินเพื่อรักษาโรคได้ทุกชนิด น้ำมันหลวงปู่ปานที่ทุกคนเรียกว่า “น้ำมันสังฆโรค” ก็คือน้ำมันชาตรีนั่นเอง หลวงพ่อไปพบเหลือก้นขวดอยู่ที่กุฏิหลวงปู่ปาน ไม่มีใครเขารู้จัก เลยเอามาเติมแบ่งให้ใช้รักษาโรคกัน โดยไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำมันชาตรี เล่นเอาอาตมากอดขวดโง่อยู่ตั้งนาน...!
ก่อนเข้าพรรษา ปี ๒๕๓๔ “หลวงพ่อ” บอกว่า “พระท่านอนุญาตให้ทำน้ำมันชาตรีได้แล้ว ท่านจะช่วยให้ปลุกครั้งเดียวใช้ได้เลย ไม่ต้องทำถึง ๗ วาระ...” ว่าแล้วหลวงพ่อก็สั่งน้ำมันงาจากโรงงาน รวดเดียว ๓๐๐ ปีบ...!
๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันอาสาฬหบูชา หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกที่ศาลา ๒ ไร่ โดยมีมีดหมอและชานหมากมาเข้าปลุกเสกด้วย หลังพิธีหลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า...
“สมเด็จองค์ปฐม เสด็จมาเป็นประธานเอง พระพุทธเจ้า พระอรหันต์มากันแน่นขนัด กระทั่งสมเด็จองค์ปฐมตรัสเรียกท้าวสหัมบดีพรหมเข้ามาสั่งการ ขนาดท้าวสหัมบดีพรหมยังต้องกราบขอทางแทบแย่ กว่าจะหลีกเข้าได้...”
“ในชีวิตหลวงพ่อปาน ท่านทำน้ำมันชาตรีแค่ ๒ วาระ ส่วนฉันเองก็คงได้ทำครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ไม่เป็นไรนะ... น้ำมันชาตรีนี่เอาไปเติมเท่าไร อานุภาพก็ยังเหมือนเดิม ถ้าเราเติมไว้เรื่อย มันก็ไม่หมดใช่ไหม...? เวลาเติมให้เอาน้ำมันชาตรีเททับน้ำมันงานะ อย่าเอาน้ำมันงาเททับน้ำมันชาตรี ถ้าทำแบบนั้นจะไม่มีผล...” ญาติโยมที่ได้น้ำมันชาตรีไป ต่างก็ปลาบปลื้มใจเป็นที่ยิ่ง นำไปใช้ได้ผลเป็นที่อัศจรรย์ บางคนรถชนกันยับเยินไปทั้งคัน ตำรวจถามว่าศพอยู่ไหน...? เขาตอบว่า “ศพอยู่ไหน ผมก็ไม่รู้...? แต่รถคันนี้ผมขับมาเองครับ...!”
อาตมาเห็นอานุภาพน้ำมันชาตรีถนัด ตอนไปดูดวงแข (ดวงแข คชภูมิ) หัดยิงปืน พ่อของดวงแขเพิ่งตาย ในครอบครัวก็เป็นผู้หญิงเกือบหมด คนเขาเลยไม่ให้ความเกรงใจ จ้องจะรังแกกันท่าเดียว ล่าสุดเพิ่งจี้เอารถเครื่องใหม่เอี่ยมไป ๑ คัน...!
ด้วยความเจ็บใจที่ถูกจี้รถไป ดวงแขเลยหัดเล่นของหนัก เอาปืนมาหัดซ้อมยิงกัน บังเอิญปืนก็มาก คนก็มาก เลยเกิดเหตุสยองขวัญขึ้น ขณะที่ดวงแขกำลังฝึกบรรจุกระสุนของ ซีแซด ขนาด ๙ ม.ม. อยู่ จุ๊บ (เบญจพร วิบูลย์พันธุ์) ก็หยิบเอา สมิธ ขนาด ๑๑ ม.ม. ไปลูบ ๆ คลำ ๆ...
เสียงเกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) บอกว่า “เซฟไว้แล้ว ลองเหนี่ยวไกดูซิ...” จุ๊บซึ่งไม่ประสีประสากับปืนก็เหนี่ยวไก “เปรี้ยง...!” เสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า จุ๊บตกใจช็อคตาค้าง...! มือยังกำปืนที่ง้างนกร่าน่าหวาดเสียว เพื่อนต้องแย่งมาลดนกก่อน
“กระสุนไปทางไหน...?” อาตมาถามหาวิถีกระสุน ถ้าไปโดนบ้านใกล้เรือนเคียงบาดเจ็บล้มตาย มีหวังคุกแน่ ๆ “อยู่นี่...” แม่ของดวงขแหยิบหัวกระสุนที่แตกเปลือกแบนแต๊ดแต๋มาชูให้ดู “มาถูกฉันที่ชายโครงนี่...!”
ทุกคนพรวดเข้าไปดูด้วยความตกใจ แม่ของดวงแขเปิดเสื้อให้ดู เห็นมีรอยผื่นแดง ๆ นิดเดียว “รู้สึกเหมือนตัวแมงมันบินมาชนอย่างนั้นแหละ...” กระสุนฟูลเมตัลแจ๊คเก็ต แรงปะทะ ๔๕๐ ฟุตปอนด์ นักมวยเฮฟวี่เวทยังตีลังกาสามทอด กลายเป็นตัวแมลงบินมาชน...! อะไรมันจะ “ลูกเบา” ได้ขนาดนั้น...?
ถ้าใครไม่รู้อานุภาพของกระสุนบวกพีขนาด ๑๑ ม.ม. คงจะไม่กระไรนัก แต่อาตมาซาบซึ้งเป็นที่สุด ใครโดนเข้าเต็มภิกขาขนาดนั้น ต่อโลงได้เลยทุกราย ความเร็วต้น ๑,๐๕๐ ฟุต/วินาที จากลำกล้อง ๕ นิ้ว ไม้กระดานขนาดนิ้วครึ่งยังทะลุกลมดิกเป็นสว่านไชเลย อย่าว่าแต่เนื้อคน...!
“ก็ไม่เห็นมีอะไร นอกจากกินน้ำมันชาตรีวันละช้อนทุกวัน...” แม่ของดวงแขเฉลยให้ทราบ เท่านั้นเองข่าวคราวของน้ำมันชาตรี ที่เหนือกว่ามหาอุตม์และคงกระพัน ก็ระบือลือลั่น จนกลบอานุภาพทางรักษาโรคซะสนิทเลย...!
๓ ตุลาคม ๒๕๓๕
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
วิธีการใช้
ก่อนใช้ ขอให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง เป็นที่สุดเมื่ออาราธนาแล้ว ให้ตั้ง นะโม 3 จบ และว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
เหมือนเมื่อรับศีล ต่อนั้นไปให้ปลุกด้วยคาถานี้
อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ
จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้ด้วยเถิด
ใช้รักษาโรคได้ทุกอย่าง รับประทานหรือทาก็ได้ สุดแท้แต่โรคนั้นควรรับประทานหรือทา
ข้อสังเกต จะเป็นโรคอะไรก็ตาม เมื่อรับประทานหรือทา แล้วรู้สึกร้อน แสดงว่าน้ำมันนี้รักษาโรคนั้นไม่หาย
ถ้ารับประทานหรือทาแล้วรู้สึกเย็น น้ำมันนี้รักษาโรคนั้นหาย
การรับประทาน รับประทานวันละ 1 ครั้ง ๆ ละ 1 ช้อนชา-กาแฟ
ถ้าให้เป็นมงคล
ให้ ใช้ก้านธูปหรืออะไรก็ได้ จุ่มในน้ำมัน แล้วแตะที่ศีรษะวันละ 1 ครั้ง จะเป็นมงคลทุกอย่างแก่ท่าน ถ้ามียวดยานพาหนะ ให้ทายวดยานพาหนะนั้น (ทาเพียงครั้งเดียว เหมือนที่เขาเจิมกัน)
น้ำมัน นี้เมื่อท่านได้รับแล้ว จงอย่าปล่อยให้หมด หาน้ำมันงา หรือน้ำมันมะพร้าว มาเติมไว้เสมอ ๆ เมื่อน้ำมันนี้ถูกต่อเติมแล้วคุณภาพจะไม่เสื่อม
พระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ)
ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
26 กค. 34
น้ำมันชาตรี
จาก กระโถนข้างธรรมาสน์————-
ถาม : …………………………….
ตอบ : น้ำมันสังคโรคก็คือน้ำมันชาตรีที่ หลวงปู่ปาน ท่านทำ ท่านเอามาให้พวกเราใช้ก่อนน้ำมันชาตรีหลายปี ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำมันชาตรี
คือว่าหลวงพ่อท่านกลับไป กลับไป วัดบางนมโค กลับไปเยี่ยมวัดเก่านั่นล่ะ แล้วท่านก็ขึ้นกุฏิเก่าของท่าน ท่านบอกว่าอะไรต่อมิอะไรมันปล่อยรกรุงรังหมด ข้าวของอะไรที่เคยเป็นของหลวงปู่ ที่หลวงพ่อท่านรักษาเอาไว้ดี มันก็ปล่อยกระทั่งฝุ่นจับหยากไย่ขึ้นเละเทะไปหมด
ท่านบอกว่าอะไรก็ไม่ว่าหรอก ไปเจอขวดน้ำมันชาตรีหลงอยู่มันแห้งเกือบจะติดก้นขวดท่านบอกว่าเห็นเข้าก็ ดีใจแทบตาย ก็ไปถามเขาบอกว่าขอได้มั้ย ? เขาบอกว่าเอาไปเหอะขวดเก่า ๆ
น้ำมันชาตรีนี่มีอานุภาพพิเศษก็คือเติมเท่าไหร่ก็ตามอานุภาพยังเหมือนเดิม แต่ท่านไม่ได้บอกเราเพราะว่าอนุภาพของน้ำมันชาตรีถ้าเราสังเกตหลวงพ่อท่านจะเน้นเรื่องรักษาโรค
คำว่าสังคโรคมันแปลว่ารวมทุกโรค
คราวนี้น้ำมันชาตรีนี่ท่านจะเน้นทางรักษาโรค เพราะว่าถ้าไม่เน้นคนมันเอาไปใช้นี่ดีไม่ดีเละ
เพราะว่าเห็นคา ๆ ตามาว่าคนโดน ๑๑ ชนิดที่กระสุนแบนแต็ดแต๋ติดเอวเลย เขาบอกไม่รู้สึกอะไร รู้สึกเหมือนกับตัวเเมงบินมาชน มันได้ขนาดนั้น แล้วลองคิดดูว่าถ้าเกิดคนมันเฮี้ยนขึ้นมามันไม่ตีกันกระจายทั้งบ้านทั้ง เมืองหรือ ใคร ๆ รักจะเป็นนักมวยก็เอา
หลวงพ่อท่านบอกว่าท่านขโมยน้ำมันชาตรีหลวงปู่มาครึ่งขวดยานัตถุ์ขโมยเลย พอหลวงปู่กลับมาถามว่าใครขโมยน้ำมันวะ ? บอกว่าผมเองครับ บอกแล้วมึงขโมยทำไมวะ ? ผมคิดค่าเฝ้ากุฏิครับ (หัวเราะ) ไม่ได้ขโมยค่าเฝ้ากุฏิ เออมีมึงคนเดียวล่ะที่กล้าพูดอย่างนี้
แล้วเสร็จแล้วท่านก็บอกว่าให้ เจ้าอั๋น ลูกศิษย์ที่จะขึ้นชกมวย เจ้าอั๋นเวลาขึ้นชกมวยใช้ชื่อนิตย์ ท่านก็เอาก้านไม้ขีดก้านธูปอะไรนั่นล่ะ จิ้มแล้วเจิมหัวให้มันไป ไปชกชนะน็อคเขามายกสาม ถามมันบอกตอนชกรู้สึกยังไง มันบอกว่าเวลาคู่ต่อสู้เตะมาต่อยมาโดนน่ะโดนจัง ๆ แต่รู้สึกว่ามันเบาเหมือนไม่มีน้ำหนัก
โบราณท่านถึงได้เรียกน้ำมันชาตรีว่า ลูกเบา โดนอะไรมันเบาไปหมด ไม่เบาได้ยังไงล่ะ ฟูลเมตัลเเจ๊คเก๊ตนะ หัวตันน่ะความเร็ว ๙๕๐ ฟูตต่อวินาที นี่แรงปะทะของมันนี่นักมวยปล้ำตีลังกาแล้วโยมผู้หญิงผอม ๆ แห้ง ๆ โดนเข้าไปเต็มเอวแบนเเต๋ติดอยู่อย่างกับประเภทเอาดินเหนียวไปแปะเลยล่ะ นั่นล่ะเขาบอกมันรู้สึกเหมือนยังกะแมงมันบินมาชน เราก็ขอดูแผลมันแดง ๆ หน่อยเดียวเอง เหมือนยังกับเราเอาอะไรไปขว้างแรง ๆ ใส่หน่อยแค่นั้นน่ะ หนังมันเป็นสีแดง ๆ
ถาม : อันนี้นี่คือทาไว้ก่อนหรือว่า ?
ตอบ : เขาบอกว่าเขากินวันละช้อน (หัวเราะ) หรืออาจจะเอาอย่าง พี่อาจินต์ ก็ได้ พี่อาจินต์เขากินวันละแก้ว พักเดียวอ้วนปี๋เลย ใครเห็นรูปเก่า ๆ หลวงพี่อาจินต์ แหม….หนุ่มน้อยเอวบาง เล่นน้ำมันชาตรีวันละเเก้วพักเดียวล่ะ ตันตึ๊กเลย
ถาม : แล้วเวลาเติมนี่ต้องใช้น้ำมันอะไร ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วใช้ น้ำมันมะพร้าว ก็ได้ น้ำมันพืชก็ได้อะไรก็ได้ แต่ว่านิยม น้ำมันงาเพราะกลิ่นมันหอม ใช้น้ำมันชาตรีเติมลงไปในน้ำมันใหม่อย่าเอาของใหม่เททับของเก่า ถ้าของใหม่เททับของเก่าของเก่าจะเสื่อมไปด้วย ให้เอาของเก่าเทใส่ของใหม่ ไม่ต้องว่าคาถงคาถาอะไรทั้งนั้นล่ะเทลงไปเฉย ๆ ด้วยความเคารพก็พอ
ถาม : หลวงพ่อค่ะทำไมน้ำมันงาแพงจังค่ะ ?
ตอบ : ก็มันอาจจะเป็นเพราะคนใช้น้อย เขาผลิตน้อยมันก็ต้องขายแพงหน่อยไม่งั้นมันไม่คุ้มต้นทุนเขาน่ะ
ถาม : แล้วจะใช้….?
ตอบ : จะกินจะทาอะไรก็ได้ แต่ว่าถ้ารักษาโรคลองเอาแตะเนื้อดูก่อน ถ้าหากว่าร้อนรักษาโรคไม่หาย แต่ถ้าหากว่าปกติหรือหากว่าเย็นโรคอะไรก็รักษาได้
ถาม : เฉพาะคนเหรอค่ะหลวงพ่อ ?
ตอบ : ถ้ารักษาสัตว์นี่เราไม่รู้จะลองยังไง มันบอกว่าเย็นได้มั้ยล่ะ ถ้ามันบอกได้ก็เอา
น้ำมัน ชาตรีเป็นวิชาการที่ทำยากที่สุดตามสายของหลวงพ่อ ต้องรอพระท่านอนุญาตเท่านั้นถึงจะทำได้ ไม่งั้นต่อให้คุณได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ อะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น
หลวงพ่อท่านบอกว่าในชีวิตท่านเห็นแค่ ๒ องค์ที่ทำได้คือ หลวงปู่ปาน กับ อาจารย์โภคาลืมถามท่านไปว่าอาจารย์โภคาอยู่วัดไหนหรือว่าเป็นฆราวาสที่ไหน
สมัยที่เคยได้ยินคำว่าน้ำมันชาตรีครั้งแรกก็ได้ยินจาก ครูเขตร นั้นล่ะ เพราะท่านสอนวิธีตั้งธาตุ ปลุกธาตุ เรียกธาตุเข้าตัวอะไรเสร็จ สอนวิชาเสร็จท่านบอกว่าเสียดายวิชาการปลุกน้ำมันชาตรีท่านทำไม่สำเร็จ ท่านบอกว่าถ้าทำสำเร็จนี่เราจะสร้างแชมป์เปี้ยนโลกกี่คนก็ได้
แล้วเสร็จแล้วพอพระท่านอนุญาตให้ทำหลวงพ่อก็สั่งโรงงานเลย ผลิตมา ๓๐๐ ปี๊บ เข้าพิธีรวดเดียว ๓๐๐ ปี๊บ เพราะฉะนั้นออริจินอลอย่างน้อยก็มี ๓๐๐ ปี๊บ แต่ว่าจริงแล้วมันเติมเท่าไหร่ก็ได้
แล้วท่านก็บอกว่าในชีวิตของข้า หลวงปู่ปานท่านทำได้ ๒ ครั้ง ตัวข้าเองอาจจะทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะว่าต้องรอพระท่านอนุญาต ปรากฏว่าท่านทำได้ครั้งเดียวจริง ๆ ไม่ทันจะทำใหม่ก็มรณภาพซะเสียก่อน
น้ำมันชาตรีไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร ชาตรีมันก็เหนือกว่าอื่นใด ขืนไปบอกมันว่าชาตรีใช้ได้ขนาดนั้นรับรองมันตีเขากระจายหมดไม่ต้องกลัวใคร หลวงพ่อท่านถึงได้เน้นไปทางรักษาโรค รู้แล้วอย่าเอ็ดไป (หัวเราะ) ไม่งั้นเดียวมันไม่หามามั่ง ต่างคนต่างต่อยครบ ๆ ยกเหนื่อยลิ้นห้อยมันไม่มีใครแพ้ใครชนะ
ถาม : ของทุกอย่างมันมั่นใจกับตัวของผู้ใช้ด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : อันนั้นมีส่วน เรื่องของน้ำมันชาตรีนี่มันประเภทที่เรียกว่านอกเหตุเหนือผลคือถ้าคุณใช้อานุภาพก็มี
ถาม : แล้ววัตถุมงคลด้วยรึเปล่าค่ะ ?
ตอบ : วัตถุมงคลนี่สำคัญอยู่ที่กำลังใจ ถ้ากำลังใจเปิดรับมากเท่าไหร่มีผลมากเท่านั้น แต่ว่าน้ำมันชาตรีนี่ ประเภทที่เรียกว่าคำว่าชาตรีนี่คงตั้งใจสงเคราะห์โดยตรงละมั้ง หลวงพ่อท่านบอกว่าก่อนหน้านี้ ท่านเสกของเสกอะไรก็มีชาตรีเหมือนกันแต่ซุก ๆ อยู่ข้างใน นี่คราวนี้ว่าตั้งแต่ยุคนั้นมานี่ชาตรีนำหน้า เตรียมไว้ให้ตีกับชาวบ้าน
ถาม : เรื่องที่ว่าเปิดรับนี่หมายความว่า…?
ตอบ : คือ จิตใจของเราเคารพ มีการอาราธนาเป็นปกติ เป็นสมัยของเรานี่ไม่ต้องเสียเวลาเสกน่ะ ถึงเวลาก็กรอกเติมไปเรื่อย ตอนนี้ที่ วัดท่าขนุน นี่ ท่านเอ ทำแจกเลย เป็นไงจ๊ะยังมาโชว์ปานแดงอยู่อีกไม่ดีขึ้นใช่มั้ย ? มันเหมือนกับรอยสักสวยดี เขาเป็นทั้งตัวเขาบอกว่ารักษาแต่หน้าสวยไว้ก่อน นางขุชชุตรา เป็นคนหลังค่อมเพราะว่าไปทำท่าหลังโก่งเลียนแบบพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่าน หลังค่อมของเราอาจจะไปหัวเราะเยาะพระที่ท่านเป็นขี้กลากล่ะมั้ง ?
——————————–
ผลของน้ำมันมนต์
ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง น้องชายของลูกชื่อ "นายสมนึก แดงสี" เป็นคนรับจ้างขับมอเตอร์ไซด์ในซอย ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ ขับไปสวัสดีกับปิกอัพ ผลปรากฏว่าสลบไสล ตื่นมาก็กลายเป็นคนอัมพาตทั้งเนื้อทั้งตัว บังเอิญลูกมีโอกาสไป วัดท่าซุง คราวงานเป่ายันต์เกราะเพชร เช่าน้ำมันมนต์ หลวงปู่ปาน ที่วัดมาขวดหนึ่ง พอทาปุ๊บปรากฏได้ผลคือ ขณะนี้แกนั่งได้แล้ว พูดจาเป็นปกติ ทีนี้ต่อไปลูกจะเอาอีกขาดหนึ่ง แต่จะเอาจริง ๆหลวงพ่อ : จริง ๆ เบาไป ต้องเเกล้ง ไอ้เเกล้งมันหนักกว่าจริง ๆ เกล้งให้เดินได้ทำงานได้อยู่เป็นปกติ แล้วต่อไปเอาอีกขวดหนึ่งเกล้งให้รวย อีกขวดหนึ่งแกล้งให้ถูกหวยทุกงวด ( หัวเราะ) ต้องแกล้งมันแรงกว่าธรรมดา ๆ จริง ๆ มันเบา ท่านอนุโลมนะ เกรงจะชอกช้ำ ถ้าแกล้งไม่กลัวช้ำ มีความเข้มแข็ง
ผู้ถาม : นี่เขาเล่าให้ฟังนะ หมดกันเป็นหมื่น ๆ แหม....แค่น้ำมันขวดเดียว สิบบาท ยี่สิบบาทไม่ได้ ไม่เป็นที่พอใจ
หลวงพ่อ : ความจริงจ่ายไม่ครบนะ น้ำมันเขาแพงกว่านั้น (หัวเราะ) ใช่ถ้าหวยก็ราคาแพง ถ้าไม่หายก็เฉย ๆ ไว้ เดี๋ยวเขาจะด่าเอา (หัวเราะ)
_________________________________________
ผลของน้ำมันชาตรี
ผู้ถาม : กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่ามันที่ ๒๖ ต.ค . ๒๕๓๔ เดือนที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสขี่จักยานยนต์ไปด้วยความรวดเร็ว เพราะว่าจะซื้อยามาให้คนป่วยที่บ้าน ด้วยความเร็วปรากฏว่า รถจิ๊ปคันหนึ่งก็มาด้วยความเร็ว มันหับผมสวัสดีกันกลางทาง ปรากฏว่าล้อรถของผมน่ะ ข้างหน้าข้างหลังอยู่กันคนละทางเลย คนมาดูนึกว่า เละตุ้มเป๊ะแล้ว! ปรากฏว่าผมลุกขึ้นมาปัดแข้งปัดขา เดินด้วยความสบายใจไม่เป็นอะไรเลย ตำรวจมาถามว่า" คุณ! ไอ้คนที่ตายตรงนี้ไปอยู่ที่ไหน?"
ผมก็ตอบว่า "ไม่รู้ครับ แต่ไอ้คนที่ขี่รถคันนี้คือผมเอง"
ตำรวจถามผมว่า "เอ๊งเป็นลูกศิษย์ใครมีดีอะไร ?"
ผมตอบว่า "ผมเป็นลูกศิษย์ น้ำมันชาตรี"
ถามว่า "พระองค์นี้อยู่วัดไหน ?"
ผมนึกไม่ถูกเลยไปบอกเขาว่า "วัดท่าบุง"
หลวงพ่อ : (หัวเราะ) ใช่ได้ ๆ ๆ ดีเขาไม่บอกวัดขวดเอานะ
ผู้ถาม : แล้วบอกว่าอยู่จังหวัดนครสวรรค์
หลวงพ่อ : (หัวเราะ) ได้เรื่อง! วัดท่าบุง นครสวรรค์ ใช้ได้
ผู้ถาม : ถ้าหากว่าตำรวจคนนั้นไปเอา น้ำมันชาตรี คงไปหาทั้งจังหวัด แล้วก็
ตำรวจเขาเลยบอกว่า จะขอจดที่อยู่วัดไว้ ผมก็นึกได้ตอนหลังว่าอ่านหนังสือแล้วไม่ใช่ ผมก็นึกวิตกว่า ตำรวจคนนั้นคงไปหาที่นครสวรรค์แล้วก็สุดท้ายขอกราบขอบพระคุณ น้ำมันชาตรี ของหลวงพ่อด้วย ผมมีเทคนิคในการใช้ดังต่อไปนี้ครับ
ตืนเช้าขึ้นมารีบกินก่อน มันจะชนเมื่อไหร่ผมไม่กลัวแล้ว แปลกจริง ๆ นะครับ ที่หลวงพ่อเคยพูดอะไร เบา อะไรนะ ?
หลวงพ่อ : ชาตรีนี่เขาเรียก "ลูกเบา" อันเดียวกัน เวลาถูกแล้วมันรู้สึกเบา ไม่หนัก รู้จักลูกเบาไหม ?
" ..ถ้าบุคคลใดกำลังใจไม่เข้มแข็ง ก็ให้นึกถึงน้ำมันมนต์แล้วว่า อิติปิ โส ตามนั้น แล้วก็สวด นะมะพะธะ เหมือนกัน เอาน้ำมนต์มาทาที่ศีรษะเล็กน้อยอย่างนี้ทุกวัน ทำทุกวัน กฏของฏรรมจะคลายตัว.."
พุทธานุภาพน้ำมันชาตรี ของคุณจิราภรณ์ สุทธะพินธุ (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๕๘๙)
ข้าพเจ้ามึความเคารพต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งชีวิต ตลอดจนองค์หลวงปู่ปานและหลวงพ่อพระราชพรหทยานตลอดมา และหวังเป็นที่พึ่งสูงสุดในชีวิต จนกว่าจะเข้าพระนิพพานเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ อันทำข้าพเจ้าเป็นทุกข์ทางกายและทางใจ เมื่อข้าพเจ้าน้อมจิตขอต่พระองค์ท่านช่วยเหตุการณ์ทั้งหลาย จะได้รับการแก้ไขจากพระองค์ท่านทันที ทุกพระองค์มีพระคุณต่อข้าพเจ้ามากเสมอมา
ข้าพเจ้าเกิดมาชาตินี้ พบทุกข์มากมายเหลือเกิน เมื่อหลวงพ่อป่วยข้าพเจ้าก็มักจะป่วยพร้อมๆ กับท่าน และบางครั้งโรคของข้าพเจ้า ก็คล้ายกับโรคที่สร้างความทรมานให้กับหลวงพ่อ ข้าพเจ้ามีอาการของโรคหลอดเลือดมาเลี้ยงหัวใจตีบตัน มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่มเวลามีอาการมากๆ เหมือนมีเข็มแหลมสักร้อยเล่มมาแทงหัวใจพร้อมๆ กัน สร้างความเจ็บปวดทรมานมากมือและแขนซ้ายจะกลายเป็นสีม่วง (Cyanosis) เพราะขาดเลือดมาเลี้ยง อาการเช่นนี้เกิดบ่อยครั้งตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา...ตรวจเครื่องคอมพิวเตอร์ดูการทำงานของหัวใจ ผลออกมาก็เกิดอาการจริง รัปประทานยาหมออากรก็ทุเลาแต่ไม่หายขาด
เมื่อข้าพเจ้าอารารธนาน้ำมันชาตรี ซึ่งสมเด็จองค์ปฐม ทรงเป็นประธานมีหลวงปู่ปานในที่สุดได้เมตตาทำไว้ให้ ได้รับประทานวันละ ๑ ช้อนกาแฟครบ ๗ วัน ข้าพเจ้าครบกำหนด ต้องตราจเช็คคอมพิวเตอร์พอดีครั้งนี้อาการต่างๆ ไม่แสดงผลหัวใจปกติทุกอย่าง ระหว่างนอนพัก ดูอาการเปลี่ยนแปลงข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า จิตขณะนั้น มีอาการหนักหน่วงมาก เหมือนมีอะไรอยู่ในตัวอยากจะหลุดออกจากกายเนื้อเหลือเกิน ตัดสินใจว่าอะไรจะเกิดก็เกิด สักครู่มองเห็นกลุ่มควันขาวจางๆ ลอยออกจากหน้าอก รวมตัวเป็นเทวดา ลอยอยู่เหนือข้าพเจ้า สักครู่ก็หายไป แพทย์ได้อ่านผลคราวนี้บอกว่าหายแล้ว ไม่มีอาการแสดงผลทางคอมพิวเตอร์เลย จนแพทย์บอกว่าหายเองได้อย่างไร ยาที่ให้ทานก็ไม่มีประสิทธิภาพ ในด้านการรักษาขยายหลอดเลือดได้ขนาดนี้ข้าพเจ้าก็ดีใจมากที่ได้รับพระกรุณาจากพระองค์ท่านเช่นนี้ ถ้าพระองค์ไม่เมตตา ทำน้ำมันชาตรีขึ้นมาเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานพุทธบริษัท...ข้าพเจ้าคงต้องทุกข์ทรมาน และคงต้องเจ็บตัวนอนให้หมอผ่าตัดอย่างแน่นอน ชั่วชีวิตนี้ลูกจะหาที่พึ่งใดทีประเสริฐกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พระพุทธคุณของสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น พระธรรมคุณ พระอริยะสังฆคุณ หลวงปู่ปานหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุดหาที่สุดประมาณมิได้เช่นนี้เอง...สาธุ
เหตุที่ผมไม่นำเรื่องนี้ลงในกระทู้ที่เกี่ยวเรื่องนี้โดยตรง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ประทับใจมาก โดยเฉพาะช่วงการตัดสินใจว่า อะไรจะเกิดก็เกิด หรือ อยากหลุดออกจากกายเนื้อเหลือเกิน เห็นกลุ่มควันสีขาวลอยออกจากหน้าอกกลายเป็นเทวดา...นอกจากนี้ความเห็นส่วนตัวผม ผมคิดว่า ท่านผู้นี้มีจิตมั่นคงในพระรัตนตรัยสูงมากและการตัดสินใจเด็ดขาดมาก โดยเห็นทุกข์และไม่ห่วงร่างกายเนื้อ
เฉลียว อาณาวรรณ --- น้ำมันชาตรี
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกน้ำมันชาตรีไว้สงเคราะห์ลูกหลานเพื่อใช้ในการรักษาโรค และอีกอย่าง
คือเรื่องลูกเบา ถ้าถูกอะไรทุกอย่างเบาหมดก่อนใช้ให้อาราธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ พรหม
เทวดา ครูบาอาจารย์ มีหลวงพ่อปานวัดบางนมโคเป็นที่สุด แล้วตั้งนะโม 3 จบ และว่า
หลวงพ่อท่านให้แตะที่ศีรษะทุกวันๆละหนึ่งครั้ง ดิฉันได้ทำตามหลวงพ่อแนะนำตลอดมา หลังจากเสกน้ำมันชาตรีได้ไม่กี่เดือน
ขณะที่ดิฉันกำลังนั่งแยกเศษสตางค์อยู่ในห้องด้านหลัง ห้องที่หลวงพ่อรับแขกที่บ้านสายลม กล่องน้ำมันชาตรีที่วางซ้อนกันไว้สูง
ได้ล้มลง มีกล่องหนึ่งหล่นกระแทกกลางหลังดิฉัน รู้สึกว่าหนักและแรงมาก
ใจก็นึกถึงน้ำมันชาตรีที่เจิมศีรษะทุกวันและภาวนา นะโมพุทธายะ
โดยไม่สนใจเสียงที่ถามว่า เป็นอะไรหรือเปล่า ภาวนาสักครู่จนรู้สึกเบาโล่ง จึงลืมตาขึ้นทำงานต่อไปได้
ครั้งที่สอง ดิฉันหกล้มที่ลานจอดรถ 100 ไร่ มือซ้ายยันลงไปที่พื้น ทุกคนที่ไปด้วยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ขณะนั้นไม่รู้สึกว่าเจ็บ
ส่วนไหนเลย จนมาถึงห้องพักนั่งคอยเพื่ออาบน้ำ เริ่มรู้สึกปวดที่ข้อมือซ้าย ความปวดทวีขึ้นตลอดเวลา คิดว่าปวดมากๆอย่างนี้ข้อ
มือคงหักหรือร้าว แล้วจะทำอย่างไรดี ใจก็คิดถึงน้ำมันชาตรีทันที ดิฉันหยิบน้ำมันชาตรีมาอธิษฐาน ทาลงไปบริเวณที่ปวด ความรู้
สึกที่ปวดอย่างมากนั้นหายไปทันที
ครั้งที่สาม ราวต้นปี 2545 ดิฉันเดินอยู่บนขอบเทอเรส (เดินไปดูสุนัขที่นอนป่วยอยู่) พลันเท้าเดินไปในอากาศ ร่างกายตกลงไป
ข้างล่างสูงประมาณฟุตกว่า ไม่มีความรู้สึกว่าส่วนใดของร่างกายกระทบพื้นปูนซีเมนต์เลย เบาไปหมด เหตุการณ์ที่ดิฉันได้ประสบ
และปลอดภัยตลอดมาก็เพราะน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อสงเคราะห์ถ้าทุกคนเชื่อมั่นและปฏิบัติตามที่หลวงพ่อแนะนำและสั่งสอน ก็
จะปลอดภัยเช่นเดียวกัน
จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๕
พิมพ์โดย : คุณศิริพร(ตุ๊กตา) sisi_gilly